หากคุณรู้สึกว่าอยากเคี้ยวอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าคุณเองจะไม่ได้หิวเลย แต่ก็อยากกินนะ ใช่แล้วค่ะ ! คุณมีอาการที่เรียกว่า “kuchisabishii” อ่านว่า คุชิซาบิชี่ เป็นคำที่ชาวญี่ปุ่นใช้เรียกอาการกินเพราะเหงา โหยหาหรือเอาอะไรเข้าปาก หรือที่เรียกภาษาง่าย ๆ ว่า “เหงาปาก” นั่นเอง “ ผู้คนใช้คำนี้กันมากเพื่อหมายถึง ‘กินเมื่อเบื่อ’ หรือบางครั้งก็เครียดกับการกิน” เควินมาร์กซ์ครูสอนภาษาในญี่ปุ่นกล่าว จะเห็นได้ว่าในประเทศญี่ปุ่นนั้น ขนมอย่าง “คิทแคท” หรือ “พริงเกิลส์” จะมีหลากหลายรสชาติมากกว่าประเทศอื่น ๆ อาจเป็นผลมาจากอาการเหงาปากของชาวญี่ปุ่นก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม kuchisabishii ยังสามารถนำไปใช้กับการอยากสูบบุหรี่เมื่อเครียด เพื่อปลอบใจ เช่น การหาหมากฝรั่งเคี้ยว เมื่อมีอาการอยากสูบบุหรี่ของผู้ที่กำลังคิดจะเลิกสูบ และบางครั้งก็เหมือนกับเด็กทารกที่ต้องการจุกนมปลอมเมื่อพยายามหย่านม
คุณสามารถสังเกตตัวเองได้ว่า เมื่อคุณมีอาการอยากกินอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะพวกขนมขบเคี้ยวต่าง ๆ แสดงว่าคุณอาจมีอาการเหงา kuchisabishii ซึ่งเมื่อคิดดูแล้วอาการนี้ไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย และใครที่กำลังกับเรื่องน้ำหนักตัวเอง เพราะอาการเหงาปากนี้จะยิ่งทำให้คุณควบคุมน้ำหนักยาก และทำให้ร่างกายได้รับปริมาณสารอาหารแคลลอรี่สูงประเภทน้ำตาล แป้ง และไขมันที่มากเกินไป
เมื่อรู้สึกหิว อยากหาอะไรกิน ให้เช็คร่างกายตัวเองก่อนว่า กำลังจะกินเพราะหิว หรือ กินเพราะเหงา
อย่ารู้สึกผิดกับการกิน และอย่ารู้สึกผิดกับความเหงา หรือความรู้สึกเชิงลบในใจ เพราะอาการเหงาใจ เหงาปากนี้ เกิดขึ้นได้กับทุกคน
จัดหาขนมขบเคี้ยวที่ดีต่อสุขภาพไว้ใกล้มือยามเหงาปาก เช่น ผลไม้ ถั่วอบไม่ทอดไม่ปรุงรสจัด เมล็ดฟักทองอบ ถั่วแระญี่ปุ่น ป๊อปคอร์น (แบบใช้ข้าวโพดดิบมาอบเอง ไม่ปรุงรสจัด)
ถ้าชอบเคี้ยวอะไรเพลิน ๆ ขณะทำงาน อาจเคี้ยวเป็นหมากฝรั่งแบบปราศจากน้ำตาลแทนกินขนม (แต่มีข้อเสียคือ เคี้ยวหมากฝรั่งมากไป อาจทำให้กล้ามเนื้อกรามแข็งแรงจนกรามดูใหญ่ขึ้นได้ในบางคน)
แปรงฟันหลังมื้ออาหาร พบว่าการแปรงฟันจะช่วยลดความรู้สึกอยากกินจุบจิบลงได้
หากิจกรรมทำในช่วงเวลาที่มักจะเหงา โดยเฉพาะกิจกรรมที่ได้เคลื่อนไหวร่างกาย อยู่กับธรรมชาติ ต้นไม้ใบหญ้า หรือได้ตากแดดอ่อนๆบ้าง จะส่งผลดีต่ออารมณ์
อย่านอนดึก เพราะคุชิซาบิชี่นี้ชอบที่จะจู่โจมยามดึก นอนหนีความเหงาแต่หัวค่ำจะช่วยบรรเทาอาการได้
ถ้าความเหงานั้นมากับความซึมเศร้า หรือ รู้สึกผิดกับตัวเองมากๆเมื่อกินไป อาจพิจารณาปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา เพื่อประเมินความรุนแรง และรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป
แม้ว่าบางคนจะบอกว่า ‘การกินมันแก้อาการเหงาได้นี่หน่า’ ‘เครียดก็ต้องหาอะไรอร่อย ๆ กินสิ !’ ซึ่งนั้นก็เป็นเรื่องจริงเพราะการได้กินของอร่อยก็เป็นวิธีเพิ่มความสุขให้ตัวเองเช่นกัน แต่ถึงอย่างไรก็ตามควรกินในปริมาณที่เหมาะสมดีกว่า ถ้ากินมากเกินไปคงไม่ดีแต่ระบบเผาผลาญเราแน่ ๆ กลายเป็นว่าต้องมาเครียดกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอีก เฮ้อ ! อย่าเหงาปากกันบ่อย ๆ นะคะ ทานน้ำเยอะ ๆ ก็ช่วยได้ ด้วยความหวังดีจาก Met 107 ค่าาาา
แหล่งที่มาข่าวและรูป : huffpost.com , web.facebook.com