ข่าวเกี่ยวกับเหตุร้าย อุบัติเหตุ สถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นกับคุณ เมื่อสิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ วันนี้เราเลยจะมาแชร์วิธีการเอาตัวรอดหากต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน ยิ่งคุณรู้วิธีการเอาตัวรอดมากเท่าไหร่ โอกาสรอดก็มีมากเท่านั้น
1. หากต้องค้นหาคนร้ายในบ้าน
หากคุณโดนคนร้ายบุกเข้าบ้านในยามวิกาล สิ่งที่ควรจะทำเป็นอย่างแรกคือการปิดไฟให้มืดทั้งบ้าน การปิดไฟจะทำให้คนร้ายเสียเปรียบ เพราะคุณคุ้นเคยกับพื้นที่ในบ้านมากกว่า และเมื่อทัศนวิสัยของคนร้ายแย่ลง อาจจะทำให้เดินชนนู่นชนนี่ส่งเสียงดัง คุณก็จะได้รู้ตำแหน่งของคนร้าย หากคุณไม่มีอาวุธในการต่อสู้ ต้องโทรแจ้งตำรวจและรีบออกจากบ้านโดยเร็ว แต่ถ้าคุณมีอาวุธหรืออุปกรณ์ป้องกันตัวและต้องการจะจับคนร้ายไว้ แนะนำให้ค้นหาอาวุธโดยใช้แสงสว่างจากภายนอกหรือไฟฉาย ไม่ควรเปิดไฟ การเดินตรวจค้นควรทำดังนี้ (ภาพ)
2. การควบคุมตัวคนร้ายด้วยตัวเอง
การจับกุมคนร้ายระหว่างรอตำรวจนั้น ควรปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อความปลอดภัย
ขั้นแรกเริ่มด้วยการให้คนร้ายนอนคว่ำหันหน้าไปทางอื่น มือไพล่หลัง และค่อยๆ เดินเข้าไปหาเพื่อมัดมือมัดเท้า จากนั้นใช้เข่าและหน้าแข็งกดท้ายทอยและหลังส่วนบนไว้ พร้อมกับรวบมือทั้ง 2 ข้างและมัดไว้ การควบคุมหัวกับลำตัวส่วนบนไว้จะทำให้คนร้ายลุกขึ้นมาได้ยาก ซึ่งจะสร้างความปลอดภัยให้คุณได้มาก
3. เอาตัวรอดจากเหตุจี้รถยนต์
เหตุการณ์นี้บ่อยครั้งเกิดขึ้นจากการที่คนร้ายจนตรอกในการหลบหนีตำรวจ หรือต้องการจะจี้ให้คุณขับไปตู้ ATM เพื่อกดเงินให้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามคุณควรจะสละรถหรือหนีเอาตัวรอดก่อนที่คนร้ายจะเข้ามายึดรถได้หากเห็นว่าเขากำลังจะเข้ามา หลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่อันตรายหรือหากมีความจำเป็นต้องผ่านไปพื้นที่นั้นควรตื่นตัวและระวังกับสถานการณ์รอบข้าง ไม่ควรเช่ารถหรูขับเวลาไปท่องเที่ยว ควรใช้รถที่กลมกลืนกับคนในพื้นที่ แต่ถ้าหากคนร้ายเข้ามาถึงตัวคุณแล้ว ยื่นมือเข้ามาพร้อมกับอาวุธ ให้คุณยกมือทำเหมือนไม่ขัดขืน หลังจากนั้นให้กระแทกมือคนร้ายเข้ากับแผงหน้ารถ และใช้เท้าเหยียบคันเร่งให้มิด คนร้ายจะปล่อยมือจากทุกอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองโดนลากไปกับรถ
4. ปลดล็อกรถยามฉุกเฉิน
เป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อยครั้ง แต่มันจะไม่ร้ายแรงถ้าเราไม่ลืมเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยงไว้ในรถ การปลดล็อกโดยสอดวัสดุเข้าไปผ่านทางขอบหน้าต่างทำได้ง่ายหากเป็นรถยนต์รุ่นเก่า โดยใช้เชือกสอดเข้าไปในช่องว่างตรงขอบด้านบนของประตู และต้องดันเชือกผ่านยางปิดขอบประตูด้านบน รถยิ่งเก่ายางก็จะยิ่งหลวม ทำให้ง่ายต่อการดันเชือกเข้าไป สำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ การปลดล็อกทำได้ยากกว่า ขอบยางก็จะแน่นกว่า ต้องใช้ไม้แขวนเสื้อดัดโค้งให้เป็นตะขอสอดเข้าไปปลดล็อกปุ่มกดล็อก แต่ก่อนจะสอดไม้แขวนเสื้อเข้าไป คุณอาจจะต้องใช้ลิ่มสอดเข้าไปก่อน เพื่อให้เกิดช่องว่างตรงขอบประตูมากพอที่จะสอดไม้แขวนเสื้อเข้าไปได้
5. ป้องกันการเรียกค่าไถ่จากแฮกเกอร์
พวกแฮกเกอร์จะเรียกค่าไถ่โดยการหลอกล่อให้คุณกดคลิกลิงก์ เพื่อปล่อยแรนซัมแวร์ (มัลแวร์ที่จะแพร่เข้าสู่คอมพิวเตอร์) ให้ไปล็อกไฟล์ข้อมูลงาน และเอกสารต่างๆ หากคุณต้องการให้คนร้ายปลดล็อกให้ ก็ต้องจ่ายเงินให้เขาก่อน การป้องกันการโจมตีโดยแรนซัมแวร์นี้ ทำได้โดยการหมั่นอัปเดตโปรแกรมเป็นประจำ สำรองข้อมูลไว้ในฮาร์ดไดรฟแบบพกพาและคลาวด์ อย่ากดเปิดอีเมลแปลกๆ และน่าสงสัย แต่ถ้าหากคลิกไปแล้วให้รีบตัดการเชื่อมต่อไวไฟทันที และถอดปลั๊กที่เชื่อมต่อกับคอมเครื่องอื่นๆ แล้วรีบปิดคอม ถึงแม้เครื่องคุณจะถูกโจมตีแล้ว อย่างน้อยก็ยังสามารถหยุดการแพร่ไวรัสไปที่เครื่องอื่นๆ ได้
6. รู้ทันโจรล้วงกระเป๋า
ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในที่ที่มีคนอยู่พลุกพล่าน เพราะการเบียดเสียดกันจะทำให้คุณแยกไม่ออกว่านี่คือการเบียดเฉยๆ หรือเข้ามาล้วงกระเป๋า โดยตำแหน่งที่มักจะถูกล้วงได้ง่ายคือกระเป๋ากางเกงด้านหลัง ดังนั้นเวลาจำเป็นต้องไปในสถานที่แบบนี้ ให้พกของมีค่าติดตัวให้น้อยที่สุดและพกแค่สิ่งของจำเป็นเท่านั้น เอากระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ใส่ไว้ที่กระเป๋ากางเกงด้านหน้า โจรล้วงกระเป๋ามักจะจับตามองนักท่องเที่ยวที่ไม่คุ้นเคยกับสถานที่ และคนที่พกเงินสดติดตัวเยอะๆ ซึ่งเขาจะสังเกตจากเวลาที่คุณไปจ่ายเงิน หรือไปกดเงินตามตู้ ATM นั่นเอง
7. ป้องกันการถูกวิ่งราวกระเป๋า
เป้าหมายส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่จะใส่ของทุกอย่างลงในกระเป๋าถือ และตำแหน่งที่สะพายกระเป๋าคือคล้องไว้ที่แขนหรือบ่า ดังนั้นการป้องกันง่ายๆ คือหลีกเลี่ยงการใช้กระเป๋าถือ แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ควรใช้ใบเล็กและสายสะพายสั้น กระเป๋าถือแบรนด์เนมหรือดูหรูหราเป็นสิ่งที่ล่อตาโจรมาก (เพราะแค่กระเป๋าอย่างเดียวก็ราคาสูงแล้ว ยังไงก็คุ้มค่ากับการลงมือ) เวลาสะพายกระเป๋าถือควรสะพายข้างตรงข้ามกับถนนและเดินห่างจากถนน เพราะโจรมักจะขับมอเตอร์ไซด์ผ่านแล้วกระชากไปเลย หากต้องไปที่คนพลุกพล่านให้เอากระเป๋ามาไว้ด้านหน้าลำตัวแล้วจับเอาไว้ตลอด ถ้าเป็นกระเป๋าสายยาว ให้สะพายพาดลำตัว เวลาที่ไปนั่งกินข้าวในที่สาธารณะให้วางกระเป๋าไว้บนตัก และสุดท้ายคือมีสติตลอดเวลา ไม่เดินคุยโทรศัพท์ เล่นมือถือ หรือดูแผนที่
8. รู้ทันคนร้ายแอบอ้างลักพาตัว
คนร้ายหาข้อมูลได้จากสื่อ social media ของเรา ทำให้รู้ว่าใครมีลูกมีหลาน หรือมีคนในครอบครัวที่สามารถสร้างเรื่องได้ว่าถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่ โดยจะโทรศัพท์ไปหาครอบครัวของเหยื่อ และบอกรายละเอียดของเหยื่อจนสามารถสร้างความหวาดกลัวให้ครอบครัวเหยื่อได้ ลักษณะของคนร้ายเวลาที่ลักพาตัวคนและโทรไปหาครอบครัวเหยื่อจะพูดทุกอย่างให้สั้น รีบบอกข้อเรียกร้องแล้วรีบวาง เพราะกลัวว่าจะถูกดักจับสัญญาณ แต่เพื่อหาคำตอบให้ได้ว่านี่คือเรื่องจริงหรือการแอบอ้าง คุณต้องขอให้เขาพิสูจน์ว่าคนของคุณอยู่ตรงนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ถ้าหากไม่อยากให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น สามารถป้องกันได้ด้วยการไม่โพสต์ข้อความ แผนการเดินทาง ข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลที่ระบุว่าคุณทำอะไรอยู่ที่ไหน เพราะมันจะเป็นช่องทางที่ทำให้คนร้ายเข้าถึงตัวคุณและเรื่องราวในชีวิตคุณได้
9. หนีออกจากรถยนต์จมน้ำอย่างปลอดภัย
เมื่อเกิดอุบัติเหตุและรถพลิกคว่ำลงไปในน้ำและกำลังจะจม หากคุณยังพอมีสติ ให้เตรียมออกจากรถด้วยการเปิดกระจกและปลดล็อกประตู (ระบบกระจกและระบบล็อกอัตโนมัติยังทำงานอยู่ระหว่างที่รถกำลังจะจมน้ำ) ที่ให้เตรียมตัวไว้แต่ยังไม่ต้องเปิดออกไปเพราะว่าถึงคุณจะเปิดประตูออกไปตอนรถกำลังจม กระแสน้ำก็จะดันเข้ามาให้มันปิดอยู่ดี จะเปิดไม่ได้เลยจนกว่าห้องโดยสารจะถูกน้ำท่วมทั้งหมด ควรพกมีดหรือมีดโกนไว้ในที่มิดชิดในรถเพื่อใช้ตัดสายเข็มขัดนิรภัยในกรณีที่รถคว่ำ แล้วน้ำหนักตัวคุณทำให้ปลดสายเข็มขัดไม่ได้ นอกจากนี้อย่าพยายามกระแทกกระจกหน้าให้แตก เพราะมันเป็นกระจกสองชั้นที่ถูกออกแบบมาให้ทนแรงกระแทก และถึงแม้กระจกประตูรถนั้นกระแทกให้แตกได้ยาก แต่การยัดก้านหูฟังหรือปลายมีดลงระหว่างกระจกและบานประตูจะทำให้เกิดจุดหมุนที่ทำให้กระจกแตกง่ายขึ้น ให้ถีบกระจกประตูโดยเล็งที่ด้านบนสุดในตำแหน่งที่ไกลจากล็อกประตู หรือหากพกเครื่องมือทุบกระจกฉุกเฉินติดไว้ในรถก็ให้เล็งตรงมุมหน้าต่างแล้วทุบ
10. เอาตัวรอดจากเหตุไฟไหม้ในอาคารสูง
ทุกบริษัทมีมาตรการการซ้อมหนีไฟอยู่แล้ว แต่ความจริงแล้วการซ้อมหนีไฟที่เราทำกันอยู่เป็นแค่ส่วนเล็กๆ ที่ต้องทำเท่านั้น ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการหนีไฟ ไล่ตั้งแต่การเตรียมกระเป๋าอุปกรณ์หนีไฟ จำเส้นทางหนีไฟ ไปจนถึงเรียนรู้มาตรการรับมือกับเหตุไฟไหม้
เตรียมกระเป๋าอุปกรณ์หนีไฟ: ใน 1 ใบควรมีของสำหรับคน 5 คน ทั้งอาหาร น้ำ ไฟฉาย แท่งเรืองแสง ปากกาเมจิก นกหวีด รวมถึงหน้ากากกันฝุ่น
จำเส้นทางหนีไฟ: ควรจำเส้นทางหนีไฟหลักและรองในอาคารให้ได้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ลิฟต์ ให้ใช้บันไดหนีไฟ เพราะระบายอากาศได้ดีกว่าและเสี่ยงต่อการถูกอบน้อยกว่า การจดจำเส้นทางหนีไฟในอาคารได้ เมื่อเส้นทางเป้าหมายโดนไฟปิดกั้นจะทำให้คุณหาทางลัดเลาะไปในที่ปลอดภัยได้
ป้องกันตัวเองจากความร้อน: หากไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องเดินฝ่าเปลวไฟ ให้ถอดเครื่องประดับ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่นำความร้อนออกจากตัว แล้วเอาน้ำมาราดตัวปกปิดร่างกายให้มิดชิดที่สุด (ติดกระดุมให้ถึงคอ คลี่แขนเสื้อลงให้คลุมทั้งแขน) คลุมหน้าและหัวด้วยผ้าเปียก หากพบประตู ให้จับประตูเพื่อวัดระดับความร้อนก่อนเปิด หากประตูร้อนจัดก็มีโอกาสสูงที่ด้านหลังประตูจะมีไฟไหม้อยู่
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การรู้วิธีเอาตัวรอดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือต้องมีสติอยู่ตลอด การมีความรู้บวกกับการมีสติ จะช่วยให้คุณรอดจากสถานการณ์ขับขันได้อย่างปลอดภัย
เขียน Maytiz
อ้างอิงจากหนังสือ 100 เทคนิคลับของหน่วย SEAL (ฉบับต้องรอดในทุกสถานการณ์) เขียนโดย Clint Emerson