ความเชื่อของคนเราในทุกวันนี้ มักจะปรากฏขึ้นในรูปแบบ “เขาบอกมาว่า...” หรือ “เขาว่ากันว่า..” หรืออะไรต่างๆ ที่ตัวเราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนพูด ใครเป็นคนบอก เรื่องจริงหรือเรื่องหลอก ได้รับการพิสูจน์แล้วหรือยัง บทความนี้เราเลยจะมาพูดถึง 5 ความเชื่อผิดๆ ที่คนมักจะบอกต่อ หรือแชร์ต่อโดยที่ไม่รู้ว่าเรื่องเหล่านี้คือเรื่องหลอกลวง และตัวคุณเองอาจจะเชื่อเรื่องเหล่านั้นมาทั้งชีวิตเลยก็ได้
1. จุ่มช้อนในหม้อลวกช่วยฆ่าเชื้อโรค?
กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ นี่คือวลีที่เราได้ยินกันมาเนิ่นนาน เพราะการกินของร้อน ใช้ช้อนกลาง และล้างมือบ่อยๆ เป็นการป้องกันเชื้อโรคหรือพยาธิเข้าสู่ร่างกาย แนวปฏิบัติอีกอย่างหนึ่งซึ่งไม่รู้ที่มาที่ไป ไม่รู้ว่าใครเป็นคนริเริ่มให้ทำ นั่นคือการลวกช้อนตามหม้อน้ำร้อนในศูนย์อาหาร จะสังเกตเห็นว่าตามจุดบริการช้อมส้อมของโรงอาหารสาธารณะ เช่น ในห้างสรรพสินค้า โรงอาหารโรงเรียน ฯลฯ จะมีหม้อน้ำร้อนเล็กๆ วางเอาไว้ให้เอาช้อนส้อมไปจุ่ม แล้วการจุ่มน้ำร้อนแบบนี้ช่วยฆ่าเชื้อโรคจริงหรือ?
คำตอบก็คือไม่ เพราะการลวกน้ำร้อนในหม้อไฟฟ้านั้น อุณหภูมิที่อยู่ในหม้อไม่ได้สูงพอและระยะเวลาในการลวกก็ไม่นานพอที่จะฆ่าเชื้อโรคได้ การฆ่าแบคทีเรียนั้นต้องใช้อุณหภูมิ 74-100 องศาเซลเซียส และหากจะทำลายเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ หรือเชื้อชนิดอื่นๆ ต้องใช้อุณหภูมิถึง 98 องศาเซลเซียส เป็นเวลานานถึง 4 นาที ในขณะที่หม้อไฟฟ้าตามศูนย์อาหารนั้นมีอุณหภูมิอยู่ที่ 60 องศาเซลเซียสเท่านั้น ซึ่งเป็นเป็นอุณหภูมิที่เชื้อแบคทีเรียสามารถเจริญเติบโตได้ดี ดังนั้นการลวกช้อนส้อมในหม้อน้ำร้อนตามศูนย์อาหาร นอกจากจะไม่ช่วยฆ่าเชื้อโรคแล้ว อาจจะเป็นการเพิ่มเชื้อโรคอีกด้วย
2. ดื่มเหล้าช่วยแก้หนาว?
หน้าหนาวเมื่อไหร่ เราก็จะได้ยินข่าวคนเสียชีวิตเพราะอากาศหนาวทุกปี และในจำนวนหนึ่งของผู้เสียชีวิต พบว่าก่อนจะเสียชีวิตได้มีการตั้งวงดื่มเหล้ากัน อาจจะเพราะความเชื่อผิดๆ ที่ว่าดื่มเหล้าจะช่วยแก้หนาวได้ เพราะเมื่อเราดื่มเหล้าเข้าไปแล้วจะรู้สึกร้อนผ่าว
จริงๆ แล้วเหล้าไม่ได้ทำให้ร่างกายของเราอบอุ่นขึ้นแต่อย่างใด ความรู้สึกร้อนผ่าวเวลาดื่มเหล้าเข้าไปนั้น เกิดจากแอลกอฮอล์ไปทำให้เส้นเลือดตามผิวหนังขยายตัว เลยรู้สึกร้อนขึ้นมาเท่านั้นเอง ไม่ได้ไปเพิ่มอุณหภูมิให้ร่างกาย และการขยายตัวของเส้นเลือดนี่แหละที่เป็นสาเหตุทำให้เราถึงตายได้ถ้าอยู่ในอากาศหนาว เพราะร่างกายจะรับมือกับอากาศหนาวด้วยการเก็บความร้อนไว้ในร่างกาย โดยเส้นเลือดตามผิวหนังจะหดตัวเพื่อให้เราสูญเสียความร้อนในร่างกายน้อยที่สุด ดังนั้นเวลาเราดื่มเหล้าเข้าไป ทำให้เส้นเลือดขยายตัว ร่างกายก็สูญเสียความร้อน พออุณหภูมิในร่างกายลดต่ำลงมากๆ ก็จะส่งผลให้อวัยวะหยุดทำงาน และตายในที่สุด เพราะฉะนั้นหากต้องการคลายหนาว ก็ควรห่มผ้าหนาๆ หรือดื่มเครื่องดื่มร้อนอย่างอื่นแทน เช่น ชาร้อน กาแฟร้อน นมร้อน เป็นต้น
3. อวัยวะขาดให้เอาไปแช่น้ำแข็ง?
เราอาจจะคุ้นเคยกับการแช่เนื้อหมูเนื้อไก่ในน้ำแข็ง เพราะเวลาเราแช่ในน้ำแข็งแล้วเนื้อเหล่านั้นมันไม่เน่า และด้วยเหตุผลนี้เลยทำให้เราคิดว่า เวลาคนนิ้วขาด มือขาด หรืออะไรขาดก็แล้วแต่ ให้เอาไปใส่น้ำแข็งอวัยวะเหล่านั้นจะได้ไม่เน่า ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องซะทีเดียว เนื่องจากการที่เราเอาอวัยวะที่ขาดไปแช่ในน้ำแข็ง จะทำให้เนื้อเยื่อเสียหายมาก หนำซ้ำยังปนเปื้อนเชื้อโรคอีกต่างหาก ทำให้การต่อจะยากมาก หรือต่อไม่ได้เลย
การเก็บอวัยวะส่งให้หมอที่ถูกวิธีนั้น คือให้นำอวัยวะนั้นใส่ถุงพลาสติกสะอาดแล้วรัดถุงให้มิดชิด จากนั้นนำถุงนั้นลงไปแช่ในน้ำแข็งที่ผสมน้ำ ย้ำว่าต้องเป็นน้ำแข็งผสมน้ำ เพราะถ้าเป็นน้ำแข็งอย่างเดียวอุณหภูมิจะเย็นเกินไป ทำให้เนื้อเยื่อเสียหาย เราต้องรักษาอุณหภูมิไว้ที่ 4 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมกับการรักษาอวัยวะให้ถึงมือหมอ การเก็บอย่างถูกวิธีนั้นจะยื้อเวลาได้ 6-8 ชั่วโมง ก่อนที่เนื้อเยื่อจะตายอย่างถาวร
เพิ่มเติมให้นิดนึงเรื่องของฟัง ถ้าฟันหลุดก็สามารถต่อได้เหมือนกันนะ โดยนำฟันที่หลุดมาล้างด้วยนมจืด และระวังบริเวณรากฟันให้มาก ห้ามเอานิ้วไปแตะหรือเอาอะไรไปถูเด็ดขาด เพราะตรงรากฟันนั้นมีเซลล์ที่สามารถเชื่อมกับเบ้าฟันได้ ถ้าเซลล์โดนถูออกไปหมด ก็จะไม่สามารถต่อกลับคืนได้อีก
4. เลือดกำเดาไหลให้เงยหน้า?
ตอนเด็กๆ เวลาเลือดกำเดาไหล เราคงเคยได้ยินคุณปู่ คุณย่า คุณพ่อ คุณแม่ หรือคุณครู บอกว่าให้เงยหน้า แล้วรอให้เลือดหยุดไหล ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง เพราะการเงยหน้าจะทำให้เลือดที่ไหลออกมา ย้อนกลับเข้าไปในคอ และอาจจะทำให้สำลักได้หากมันไหลเข้าไปในปอด ซึ่งหากเลือดไหลลงไปที่ปอดก็จะส่งผลให้เกิดอาการปอดบวมตามมาทีหลังได้ เนื่องจากเลือดไปทำให้ปอดระคายเคืองนั่นเอง
วิธีปฐมพยาบาลที่ถูกต้อง หากเจอคนเลือดกำเดาไหล คือ ให้นั่งหลังตรง ก้มหน้านิดหน่อย เอามือบีบจมูกสักพักรอให้เลือดหยุดไหล ประมาณ 5-10 นาที หรืออาจจะเอาน้ำแข็งมาประคบที่คอหรือหน้าผาก ก็จะช่วยให้เลือดหยุดไหลเร็วขึ้น แต่ถ้าทำตามนี้แล้วเลือดยังไม่หยุดไหล ก็ให้รีบไปโรงพยาบาล เพราะบางคนเลือดกำเดาไหลเยอะถึงขึ้นช็อคตายก็มี
5. ก้างปลาติดคอ ให้ปั้นข้าวเป็นก้อนแล้วกลืน?
คนจำนวนไม่น้อยที่มีความเชื่อว่า เวลาก้างติดคอ ให้ปั้นข้าวเป็นก้อนแล้วกลืนเข้าไป เพื่อที่ก้างจะได้ไหลลงคอไปพร้อมข้าว ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่เหมาะสมเท่าไหร่ เพราะบางทีก้อนข้าวที่กลืนเข้าไปอาจจะไปดันก้างให้ปักลึกเข้าไปมากกว่าเดิม ดีไม่ดี อาจจะตายเพราะก้อนข้าวติดคอก็ได้ นอกจากวิธีกลืนข้าวแล้วอาจจะเคยได้ยินว่าให้กินน้ำอุ่น หรือน้ำมะนาวเพื่อไปละลายก้าง ซึ่งวิธีเหล่านี้ก็ไม่ช่วยเหมือนกัน
ทางที่ดีที่สุดคือ ควรไปหาหมอ เพราะหมอมีอุปกรณ์ที่จะส่องเข้าไปในคอ แล้วดูว่าตำแหน่งก้างนั้นอยู่ตรงไหน เพื่อจะได้ดึงออกมา หากเราชะล่าใจ คิดว่าก็แค่ก้างติดคอ ไม่เป็นอะไรหรอก อยากบอกว่าไม่ควรประมาทเด็ดขาด เพราะแค่ก้างเล็กๆ นี่แหละ อาจลุกลามไปเป็นโรคร้ายแรงอื่นได้ โดยเฉพาะถ้าติดเชื้อแล้วเป็นหนองในช่องคอ อันตรายถึงตายได้เลย
ความเชื่อที่ได้ยินมา หรือสิ่งที่คนแชร์ต่อๆ กันมา บางทีก็มีทั้งเรื่องจริงและไม่จริง เป็นหน้าที่ของตัวคุณเองที่จะต้องหาข้อมูล เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งเหล่านั้นจริงหรือไม่จริง ก่อนที่จะไปบอกต่อหรือแชร์ต่อให้คนอื่น อย่าลืมว่าการแชร์ข้อมูลที่ผิด ถ้ามีคนทำตาม อาจเปลี่ยนชีวิตของคนๆ นั้นได้เลย ดังนั้นก่อนจะแชร์อะไร ควรเช็คให้รอบด้านก่อนนะ
*ข้อมูลความเชื่อผิดๆ อีกมากมาย ไปหาอ่านได้ที่หนังสืออ้างอิงด้านล่าง
เขียน : Maytiz
อ้างอิง : หนังสือ “อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง” เขียนโดย รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์
และหนังสือ “ไปจำมาจากไหน ทำไมไม่เชื่อหมอ” เขียนโดย จ่าพิชิต ขจัดพาลชน