3 เพลงดี 4 เพลงเศร้า เพลงความหมายดี ๆ ผ่านตัวเลข
Share this

วันนี้Met107จะมาแนะนำเพลงฮิตความหมายดีผ่านตัวเลขกันค่ะ มาอ่านแรงบันดาลใจในการแต่งเพลง รวมถึงที่มาของเพลงดีๆกันเถอะค่ะ จะมีเพลงอะไรบ้างนั้นมาติดตามกันได้เลย


1.  25 minutes - Micheal Learn To Rock

เป็นเพลงที่เล่าถึงผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องการคืนดีกับผู้หญิงอันเป็นที่รัก เขาค้นหาเธอทุกที่ แต่เขาสายไปเพียง 25 นาที จนในที่สุดก็พบเธอที่หน้าโบสถ์ ในสถานที่ที่เขาไม่คิดว่าจะได้เจอเธอ เธอสวมชุดแต่งงานและดูมีความสุขมาก




2. 1973 - James Blunt

เพลงนี้James bluntได้แรงบันดาลใจมาจากตอนเขาได้ไปใช้ชีวิตที่เกาะ Ibiza เมื่อช่วงปลายปี 2006 และออกไปเที่ยวคลับที่ชื่อว่า Pacha (เปิดในปี1973) James Blunt บอกว่า Simona เป็นชื่อของผู้หญิงจริงๆที่เขาเจอที่ club นั้น "1973" เป็นเพลงที่มีเนื้อหาและซาวน์ดนตรีที่มีกลิ่นของทศวรรษที่ 70




3. Twice - Christina Aguilera

“Twice” เพลงนี้เป็นเพลงบัลลาดสวยๆ แต่เนื้อหาไม่ได้สวยเหมือนดนตรี เพราะ Christina Aguilera ได้ทำการสารภาพบาปกับความเน่าเฟะของวงการฮอลลีวูด ว่าการที่เธอจะไปถึงเป้าหมายความสำเร็จนั้น บางครั้งเธอก็ต้องยอมจำนนต่อด้านมืดของวงการบันเทิงด้วยเช่นกัน

ที่มา : https://www.gqthailand.com/style/article/christina-aguilera-liberation




4. Yesterday once more - The Carpenters

เป็นเพลงที่ปล่อยออกมาในปี 1973 เขียนโดย Richard Carpenter และ John Bettis ได้รับแรงบันดาลใจจากความรักดนตรีในยุค 1950 และ 1960 เนื้อเพลง "Yesterday once more" สื่อถึงอารมณ์และความปรารถนาถึงอดีต ถ่ายทอดถึงความคิดถึงขมอมหวานที่หลาย ๆ คนมี เมื่อนึกถึงเพลงโปรดและความทรงจำในวัยเด็ก ด้วยเสียงร้องอันอบอุ่น สไตล์ซอฟต์ร็อคอันเป็นเอกลักษณ์ของของ Karen Carpenter และ The Carpenter




5. Baby one more time - Britney Spears

แรงบันดาลใจสำหรับเพลงนี้คือเด็กผู้หญิงที่ต้องผ่านการเลิกราที่ขอร้องให้แฟนเก่าโทรกลับหาเธอ โดยมีปัญหาที่ทำให้เลิกคิ้วของท่อน "Hit me baby, Once more time" เพลงนี้แต่งโดยนักแต่งเพลงชาวสวีเดน Max Martin และ Rami Yacoub คำว่า "hit" เป็นคำแสลงอเมริกันที่แปลว่า "โทร" ซึ่งไม่ผิดมากนัก แต่หากใช้อย่างถูกต้อง เพลงนี้ขาดคำว่า "up" ของ "hit me up" ซึ่งถือเป็นความผิดพลาดร้ายแรง นำไปสู่ความสับสนมาหลายทศวรรษว่าจริงๆแล้ว Britney ร้องเพลงเกี่ยวกับอะไร

ที่มา : https://www.billboard.com/music/pop/hit-me-baby-one-more-time-nsync-star-meaning-revealed-6753845/




6. Back at one - Brian McKnight

เพลงนี้เกี่ยวกับความรู้สึกตกหลุมรักหญิงสาว และการรู้ว่าคุณต้องทำทุกอย่างที่ทำได้ เพราะเธอใช่สำหรับคุณ ท่อนคอรัสคือลิสต์เหตุผลว่าทำไมเธอถึงเป็นคนที่ใช่ และ4ขั้นตอนที่ทำให้เธอตกหลุมรักคุณ โดย McKnight เป็นคนเขียนขึ้นมาเอง




7. 24k magic - Bruno Mars

"24k magic" เป็นเพลงที่ปล่อยออกมาในรูปแบบอัลบั้มในวันที่ 7 ตุลาคม 2016 เพลงนี้ได้รับการอธิบายว่าเป็นเพลงฟังก์ ดิสโก้ และอาร์แอนด์บีร่วมสมัย แต่งโดย Mars, Philip Lawrence และ Christopher Brody Brown




8. The one that got away - Katy Perry

กล่าวกันว่า Katy Perry แต่งเพลง "The one that got away" นี้ให้กับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับ Johnny Lewis ที่เคยคบกันในช่วงปี 2005-2006 โดย The One เป็นการเล่าเรื่องราวของคู่รักเพลงคันทรี่ในตำนาน June Carter Cash และ Johnny Cash จากท่อนที่ร้องว่า "I was June and you were my Johnny Cash" ทั้งสองได้ชื่อว่าเป็นคู่แท้ในวงการเพลงที่ได้รับการยกย่องมากที่สุด ด้วยความรักที่ยาวนานกว่า 35 ปี

ทั้งสองประคับประคองความรัก และมีพยานรักด้วยกัน 1 คน จน June เสียชีวิตในปี 2003 จากการผ่าตัดหัวใจ Johnny เขียนระบายความรู้สึกถึงความรักของเขาและเธอ "ตอนนี้เธอเป็นนางฟ้าแล้ว แต่ฉันไม่ใช่ เธอเป็นนางฟ้าแล้ว แต่ฉันไม่ใช่" Johnny เสียชีวิตตามนางฟ้าของเขาไปในอีกเพียง 4 เดือนต่อมา โดย Lewis มีความคล้าย Johnny ในเรื่องปัญหาส่วนตัวทั้งการเสพยา อารมณ์แปรปรวน จนนำไปสู่ความรุนแรง

ที่มา : เพลงเก่าเล่าเรื่อง

https://www.facebook.com/share/dPGkrbfQgitqX73e/?mibextid=oFDknk




9. A Thousand Years - Christina Perri

เพลงนี้เล่นในช่วงเครดิตของ The Twilight Saga: Breaking Dawn Part 1 เป็นเพลงโรแมนติกที่เกี่ยวกับความกลัวที่จะตกหลุมรัก สำหรับแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงนี้ "โปรดิวเซอร์มาหาฉันในปี 2011 และพูดว่า 'คุณช่วยเขียนเพลงให้กับ Breaking Dawn Part 1 หน่อยได้ไหม' ดังนั้นฉันจึงไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้เมื่อหกเดือนก่อนที่หนังจะเข้าฉาย และเขียนเพลง 'A Thousand Years' ให้กับเอ็ดเวิร์ดและเบลล่า ฉันไม่ใช่แวมไพร์ แม้ว่าฉันจะอยากเป็น แต่ฉันก็พยายามก้าวเข้าสู่เรื่องราวความรักของพวกเขา"

โดยท่อนแรกมาจากมุมมองของเบลล่า และท่อนที่สองมาจากมุมมองของเอ็ดเวิร์ด”

ที่มา :1. https://www.teenvogue.com/story/christina-perri-twilight

2. https://www.newstimes.com/news/article/christina-perri-inspired-by-edward-bella-3813490.php




10. 7 Years - Lukas Graham

เพลง “7 Years” คือเพลงที่บอกเล่าเรื่องราวตลอดชีวิตที่ผ่านมาและเป้าหมายในอนาคตของ Lukas นักร้องนำของวง โดยตัวเขาเองได้เคยให้สัมภาษณ์เอาได้ดังนี้ "มันเป็นเพลงที่ว่าด้วยเรื่องของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ผมรู้สึกว่าการได้เป็นพ่อคนมันเป็นอะไรที่สำคัญมากเลยนะ ความฝันของผมไม่ใช่การแก่ตัวไปเป็นตาแก่หัวโบราณ แต่ผมจะต้องเป็นพ่อที่สามารถทำให้เพื่อนๆของลูกๆผมพูดว่า 'แกจะไปหาพ่อแกหรอ? ฝากเซย์ไฮด้วย! พ่อแกเจ๋งเป็นบ้า' และลูกผมก็จะต้องแบบว่า 'โอ้ว! ฉันมีพ่อที่สุดติ่งไปเลย"

ที่มา : Warner Music Thailand

https://www.facebook.com/share/p/8CzEzoNhoa3vZXQA/?mibextid=oFDknk





11. 4 In The Morning - Gwen Stefani

เป็นเพลงบัลลาดซินธ์ป็อปจังหวะกลางที่ได้รับแรงบันดาลใจจากทศวรรษ 1980  "4 in the Morning" มีจังหวะกลาง ซึ่งนักวิจารณ์บางคนกล่าวว่า "เหมาะสำหรับการเต้นช้าๆ" เพลงนี้กล่าวถึงความโปร่งใสในความสัมพันธ์โรแมนติก โดยที่ตัวเอกขอร้องให้คนรักตัดสินใจ และกล่าวถึงความสัมพันธ์ที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ ในท่อน"I'm lying here in the dark, I'm watching you sleep, it hurts a lot."




12. 10,000 Hours - Dan Smyers + Shay Mooney & Justin Bieber

ทฤษฎี "10,000 ชั่วโมง" ได้รับแรงบันดาลใจจากทฤษฎีของนักเขียนชาวแคนาดา Malcolm Gladwell ที่แพร่หลายที่ว่าต้องใช้เวลา 10,000 ชั่วโมงกว่าจะเชี่ยวชาญบางสิ่งบางอย่างได้อย่างแท้จริง หรือระดับโลกในทุกทักษะ "ไม่ว่าจะเป็น 10,000 ชั่วโมงเพื่อทำความรู้จักกับคนๆนั้นและรักเขาอย่างแท้จริงในแบบที่ดีที่สุด หรือแค่ตลอดชีวิตที่เหลือ นั่นก็แค่นั้นแหละ นี่คือท่อนฮุก” Mooney อธิบาย “มันเกี่ยวกับการเรียนรู้คนสำคัญของคุณ” โดยJustin Bieber ได้ปล่อยเพลงนี้ออกมา 4 วันหลังจากแต่งงานกับ Hailey Bieber

ที่มา : https://www.harpersbazaar.com/culture/art-books-music/a29359308/justin-bieber-dan-shay-10000-hours-lyrics-meaning/




13. 24/7 365 - Elijah Woods

Elijah Woodsไม่ใช่นักแสดงจากเรื่องThe Lord of the rings แต่งอย่างใด แม้จะมีชื่อเดียวกัน เมื่อสัมภาษณ์ Elijah Woods ถึงเพลง 24/7 365 Elijah Woods กล่าวว่า "เนื้อเพลงมีความตรงไปตรงมาเท่าที่เขาสามารถเล่าเกี่ยวกับสถานการณ์ได้  การสูญเสียคนใกล้ชิดรู้สึกเหมือนส่วนหนึ่งในตัวขาดหายไป และเขาพยายามสรุปสิ่งนั้นไว้ในเพลง"

ที่มา : https://tresamagazine.com/2024/03/15/elijah-woods/




14. 2 Become 1 - Spice Girls

ผู้แต่งเพลง 2 Become 1 คือคู่หู Matt Rowe และ Richard Stannard

เพลง 2 Become 1 ก็เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ “พิเศษ” ของ Geri กับ Matt Rowe ซึ่ง Mel B. เล่าในหนังสืออัตชีวประวัติของเธอว่า “พอ Matt กับ Geri ส่งสายตาให้กัน ฉันก็รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงแม้พวกเขาจะปฏิเสธก็ตาม ฉันรู้จักพวกเขาทั้งคู่ดีเกินกว่าที่พวกเขาจะเก็บความลับจากฉันไปได้หรอก” Rowe ก็ปากแข็งถึงความสัมพันธ์ทั้งคู่ โดยบอกว่า จีบ ๆ กัน แต่ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น

เพลงบัลลาดสุดโรแมนติกเพลงนี้ เป็นซิงเกิ้ลอันดับ 1 ซิงเกิ้ลที่ 3 ของวง และด้วยเพลงมีท่อนออร์เครสตรา และได้ความรู้สึกอบอวลไปด้วยความรัก ซึ่งเหมาะกับในช่วงคริสต์มาส และถือเป็นอันดับ 1 ในช่วงคริสต์มาสเพลงแรกของวง ต่อจากนั้นอีก 2 ปี Spice Girls ก็มีอันดับ 1 ในช่วงนี้อีก 2 เพลง คือ Too Much และ Goodbye

ที่มา : เพลงเก่าเล่าเรื่อง https://www.facebook.com/share/p/nmLcbT6fArwJogYj/?mibextid=oFDknk




15. The one you love - Glenn Frey

The One You Love เป็นเพลงที่พูดถึงชายคนหนึ่งที่มีเพื่อนสนิทเป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่เขามีความรู้สึกดี ๆ ให้ แต่โชคร้ายที่สาวคนนั้นยังคงรักแฟนเก่าอยู่ ทั้งคู่พัฒนาความสัมพันธ์กัน แต่เมื่อแฟนเก่าของเธอโทรมา ถ่านไฟเก่าก็ร้อนขึ้นมา เพลงได้ใช้แซกโซโฟนเพราะ Glenn Frey  รักในเสียงแซกโซโฟน และเป็นอีกครั้งที่เขากลับทำเพลงเศร้าอีกครั้งหลังจากทำเพลง Lyin' Eyes และ New Kid in Town

ที่มา : เพลงเก่าเล่าเรื่อง

https://www.facebook.com/share/p/WpfrCYP7nMDxcRsE/?mibextid=oFDknk




16. One more night - Maroon5

Levine ได้แต่งเพลงนี้ร่วมกับ Savan Kotecha ผู้แต่งเพลง What Makes You Beautiful ของ One Direction เพลงนี้พูดถึงเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่รู้สึกผิดที่มีความสัมพันธ์แค่เพียงเพราะเซ็กซ์ และยังได้คู่โปรดิวเซอร์มือทอง Shellback และ Max Martin มาเนรมิตเพลงนี้ Shellback ที่ก่อนหน้านี้ได้ทำเพลง Moves Like Jagger กับ Payphone ในครั้งก่อน

ที่มา : เพลงเก่าเล่าเรื่อง

https://www.facebook.com/share/p/a7oZAAFM7MxmXMCF/?mibextid=oFDknk




17. One more time one more chance - Yamazaki Masayoshi

เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง "5 Centimeters per second" หรือชื่อไทย "ยามเมื่อซากุระร่วงโรย" ของผู้กำกับ ชินไค มาโกโตะ หลาย ๆ คนอาจจะทราบกันดีว่า อนิเมชั่นเรื่องนี้ไม่ได้สร้างขึ้นมาและเอาเพลงนี้มาประกอบ แต่เป็นผู้กำกับชินไคมาโกโตะได้สร้างหนังเรื่องนี้มาจากเพลงนี้ต่างหาก

One more time one more chance เป็นเพลงหนึ่งที่มีคนมักหยิบไปร้องหรือ Cover แต่ไม่ว่าจะเป็นคนฟังหรือคนร้อง หลายๆคนอาจจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนี้ "มีบางอย่างหายไป" นั่นคือ "อารมณ์" เพลงนี้ในเวอร์ชั่นต้นฉบับ ไม่ว่าจำเป็นน้ำเสียง เนื้อร้อง และอารมร้อง สิ่งที่ Cover แทบไม่สามารถทำได้เลยคืออารมที่เพลงนี้สื่อออกมา นั่นก็เพราะว่าคุณ Masayoshi Yamazaki ได้แต่งเพลงนี้และร้องมันด้วยความรู้สึกที่มีต่อคนรัก ที่เสียชีวิตด้วยเหตุแผ่นดินไหวที่โกเบในปี 1995 ผมเชื่อว่าแม้ไม่เข้าใจเนื้อเพลง เพียงแค่ชื่อเพลงและน้ำเสียงของเค้าที่สื่อออกมา มันถูกส่งเข้าไปในใจทุกคนแน่นอน บ่อยครั้งที่ใน Live ที่เค้าขึ้นแสดงด้วยบทเพลงนี้โดยมีน้ำตาไหลออกมา...

"ฉันมองหาในที่ที่คิดว่าเธอน่าจะอยู่เสมอ แม้ว่าจะรู้ว่าเธอจะไม่มีทางมาอยู่ตรงนั้นได้" หลาย ๆ คนคงเคยมีอารมณ์นี้ สถานที่... อาหาร... เส้นทาง... ที่เราเคยได้ใช้กับใครบางคนเป็นประจำ เมื่อเรานึกถึงแล้วรู้ว่า เค้าจะไม่ได้อยู่ตรงนี้อีกแล้ว มันก็เจ็บปวดเหลือเกิน

ที่มา : J Tube - เพจคนรักญี่ปุ่น https://www.facebook.com/share/p/EPQ7oYGjvQGhTKrJ/?mibextid=oFDknk



18. 7 rings - Ariana Grande

เพลงนี้สาว Ariana Grande ได้แรงบันดาลใจมาจาก การซื้อแหวนให้เพื่อนสนิทที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา

well ............. ‘twas a pretty rough day in nyc. my friends took me to tiffany’s. we had too much champagne. i bought us all rings. 💍 it was very insane and funny. & on the way back to the stu njomza was like ‘bitch, this gotta be a song lol’. so we wrote it that afternoon.— Ariana Grande (@ArianaGrande) December 1, 2018




19. One last time - Ariana Grande

เพลงนี้ทำให้ Ariana รู้สึกผิดเมื่อเธอยอมรับกับแฟนเก่าว่าเธอนอกใจ  เธอขอ "One last time" กับเขาเป็นการลาครั้งสุดท้าย แต่งโดยทีมแต่งเพลงของ Savan Kotecha, Rami Yacoub และ Carl Falk ผู้เขียนซิงเกิ้ลแรกๆของ One Directionส่วนใหญ่




20. One and only - Adele

Adele กล่าวว่า "The one” ในเนื้อเพลงที่ฉันหมายถึง หมายถึงคนรู้จักมานานหลายปีและฉันรักมาตลอดและฉันคิดว่าเขารักฉันมาตลอด แต่เรากลัวเกินกว่าจะอยู่ด้วยกันในกรณีนี้” ส่วนหนึ่งของเพลงนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้เรื่อง Never Been Kissed ในธีมโรงเรียนมัธยมปี 1999

ที่มา : https://www.songfacts.com/facts/adele/one-and-only




21. One moment in time - Whitney Houston

เพลงที่สร้างแรงบันดาลใจนี้กลายเป็นเพลงประกอบการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี 1988 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เนื้อเพลงพูดถึงการไปถึงจุดสุดยอดของชีวิต และทั้งความกลัวที่จะล้มเหลวและความตื่นเต้นที่สามารถอธิบายได้โดยผู้ที่บรรลุความฝันของตนเองเท่านั้น ผู้แต่งคือ Albert Hammond นักแต่งเพลงชาวอังกฤษ และ John Bettis นักแต่งเพลงชาวอเมริกาได้มาพูดคุยกันโดยมีความคิดที่อยากจะแต่งเพลงเพื่อให้กำลังใจนักกีฬาทุกคนที่มาเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิก

One Moment in Time คือเพลงที่ผู้แต่งทั้งสองวาดภาพว่าคนร้องต้องเป็นคนยิ่งใหญ่ระดับซุปเปอร์สตาร์อย่าง Elwis Presley แต่ Elwis ได้เสียชีวิตไปแล้ว จนกระทั่งทั้งสองได้นักร้องดังระดับซุปเปอร์สตาร์ในขณะนั้นอย่าง Whitney Houston มาร้องเพลงนี้ Hammondเล่าว่า ขณะที่อยู่ในห้องอัดเพื่อจะบันทึกเสียง ทันทีที่Whitney Houston เปล่งเสียงร้องเพลงนี้ออกมา เขาถึงกับร้องไห้ไม่หยุด เพราะมันสวยงามมาก และคิดว่าเพลงนี้ต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

ที่มา : 1. https://www.songfacts.com/facts/whitney-houston/one-moment-in-time

2.https://www.artculture4health.com/pun/articles/view/660




22. 7/11 - Beyonce

7/11 หมายถึงการทอยลูกเต๋าในเกม Craps ถ้าทอยได้ 7 หรือ 11 ในเกมนี้ก็จะชนะ



Share this